Skip links

ผักหวานป่าปลูกง่ายรึเปล่า

อาหารจากผักหวานป่า (Melientha suavis Pierre foods)

สำหรับผักหวานป่า เมื่อออนนิออร์แกนิคฟาร์ม เราชอบที่จะกินผักหวานป่า ถือได้ว่าเป็นผักที่นิยมเรียกแขกได้ทุกครั้งที่มีการมาเยือน คือ ไหนต้นผักหวานป่าล่ะ? โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรี มักจะพบสินค้าตามฤดูกาล ผักหวานก็เป็นหนึ่งในอาหารป่าที่น่ารับประทาน ทำอาหารได้หลายแบบ เอาที่เราชอบเลย

เรามาดูกันว่าเมนู(Menu)อาหารมีอะไรบ้าง

  1. ไข่เจียวผักหวาน
  2. แกงเรียงผักหวาน
  3. ผัดผักหวานใส่ไข่
  4. ยำผักหวาน ไข่ต้ม
  5. แกงส้มผักหวาน
  6. ผักหวานลวกจิ้มน้ำพริก
  7. อื่นๆ

สิ่งเหล่านี้ผมว่าเป็นเมนูที่คนชอบผักหวานป่าเคยคุ้นตากันอยู่แล้วหรือไม่ก็ได้ทำกินกันหรือรับประทานตามร้านอาหาร แต่การเลือกผักหวานป่ามารับประทานนั้น เนื่องจากเป็นพืชที่มีปัญหาเรื่องการเก็บเพราะว่าใบจะร่วงจากยอดอ่อนได้ง่าย หากเราเก็บไว้ทำอาหารนานๆ ที่ไม่สดหรือใช้เลย

การปลูก(Growth)

เอาที่ออนนิออร์แกนิคฟาร์มปลูกเลยล่ะกัน เพราะมันมีหลายวิธีหลายอาจารย์ ที่ฟาร์มเราปลูกนั้นคือการสั่งกิ่งตอนจากที่มีขายอยู่ทั่วไปเลยครับ ราคาค่อนข้างที่จะสูง แต่อัตรารอดก็สูงเช่นกัน

“เมื่อเทียบกันแล้วคุ้มกว่าไม่เสียเวลาในการดูแลมาก” แล้วแต่คนชอบเลย

ออนนิออร์แกนิคฟาร์มเคยลองจากเมล็ด(seeds) ต้นกล้า(seedlings) ต้นชำ(grafting) มาแล้วไม่รอดสักที เพราะนิสัยเราไม่ชอบการดูแลต้นไม้มากมายซึ่งขี้เกียจนั่นล่ะครับ ทีนี้เมื่อเราได้กิ่งตอนที่เราซื้อมาแล้วทำยังไงดี

ปัจจัยหลัก(Factor)

การที่รากออกมาแล้ว กิ่งตอนต้องมีระยะเวลาส่ง อาจจะทำให้เสียเวลาในการดูแลอีกนิดก่อน การเลือกผู้ขายถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญตอนแรกนะครับ หากไม่มีแต่เราจ่ายตังค์ไปแล้วคือจบ อย่างเดียว

ทำไงเมื่อได้ของมาล่ะ

  1. เปิดกล่องสำรวจรากหรือกิ่งที่ส่งมา
  2. ทิ้งตากในร่มเพื่อลดอุณหภูมิลง
  3. นำไปชำรวมกันก่อนกรณีที่รากยังเดินไม่ดี ด้วยขุยมะพร้าวก่อน โดย

ด้วยออนนิออร์แกนิคฟาร์ม เรามีความสนในการนำมาขยายพันธุ์ ซึ่งด้วยความที่เราชอบรับประทานนั่นเอง เราเลือกเป็นกิ่งตอนเลยเพราะว่าการเติบโตด้วยรากฝอยนั้นก็จะให้ต้นที่โตเร็วด้วยการเพาะจากเมล็ดนั่นเอง

สิ่งที่เราต้องเตรียมไว้เมื่อกิ่งตอนผักหวานมาแล้ว คือ

  • กิ่งพันธุ์
  • กระถางเน้นเป็นเข่งเลยนะครับ จบไปถึงตอนปลูกเลย
  • ขุยมะพร้าวสับละเอียดและหยาบ
  • น้ำ

ด้วยสิ่งหนึ่งที่เราเจอคือกิ่งตอนของผักหวานนั้น มีรากฝอยเยอะและไม่ค่อยที่จะแข็งแรง เพราะเป็นการตอนจึงต้องนำไปชำให้ต้นโตก่อนที่เราจะปลูกหรือการดูแลอื่นๆ ต่อไป ระยะเวลาที่เราใช้ก็ 1-2 เดือนเพื่อที่จะให้รากโตและแข็งแรงดี ก่อนลงดินนั่นเอง

เทคนิค(Technique)

การที่เราซื้อกิ่งพันธุ์ผักหวานมาแล้วอาจจะยังไม่มีเวลาในการปลูกนั้น ผมแนะนำให้ใส่กระถางและนำกิ่งชำทั้งหมดรวมกันแล้วเทด้วยขุยมะพร้าวละเอียดก่อน และรดน้ำตามปกติ น่าจะอยู่ได้เป็นเดือนก่อนที่จะนำไปชำด้วยเข่งไม้ไผ่ขนาดเล็กแทนกระถาง ดีทีสุด

เทคนิคการชำ(cutting down)

เมื่อเราหาเข่งได้แล้ว ให้เรานำดินและขุยมะพร้าวหยาบมารวมกัน อัตราอาจจะเป็น 1:1 ก็ได้เพื่อนที่จะให้รากของผักหวานแข็งแรงเร็ว

เทคนิคการปลูก(growing)

การที่เราจะปลูกผักหวานป่านั้น การวางระบบน้ำไปก่อนที่จะปลูกมีอะไรบ้าง

  • ไม้เลี้ยง เช่น ชะอม มะม่วง ต้นแค อื่นๆ เอาที่เราปลูกไว้ก่อนก็ได้ แต่ของผมเป็นมะม่วงนั่นเอง
  • ระบบน้ำ มีความจำเป็นหากปลูกเยอะ
  • ดินต้องเป็นดินร่วนยิ่งดี
  • แสงไม่ต้องมาก
  • ไม่ต้องรองก้นหลุมเพราะว่าปุ๋ยอาจจะทำให้ต้นตายได้เพราะมีแต่รากฝอย
  • ขุดหลุมเท่าขนาดของเข่งหรือกระถางไม้ที่เราปลูกและเผื่อพื้นที่ไว้หน่อย

เมื่อต้นผักหวานนั้นอายุได้ 2 เดือนแล้วค่อยให้ปุ๋ยอินทรีย์ รอบๆ โคนต้น เพื่อที่จะเร่งรากฝอยออกไปหากินนั่นเอง

การตอนกิ่ง(grafting)

ต้นที่เราจะขยายพันธุ์นั้น ต้องเป็นกิ่งที่แข็งแรง คือ ขนาดใหญ่ ต้องควั่นกิ่งให้แห้งทิ้งไว้แล้วค่อยนำเอาขุยมะพร้าวมาห่อ ทิ้งไว้ตามระยะเวลานั่นเองครับ

ปัญหา(problem)

เนื่องจากการปลูกที่ผมเอามานี้เป็นผักหวานที่ผ่านการตอนกิ่งเท่านั้นและเป็นปัญหาที่เราเจอ ซึ่งเราซื้อมาแน่นอนอัตรารอดคือ

  • จำนวนรากที่ออกมา มากหรือน้อย เป็นการเชคอัตรารอดได้
  • การอนุบาลต้นตอน การให้น้ำมีความสำคัญ
  • การถอดให้รากออกด้วยการชำก่อน เกิดรากขาด
  • แมลง หอยทาก เป็นศัตรูรบกวนแรกๆ ที่เราเจอกินยอดอ่อนเกลี้ยงเลย
  • การแตกยอดอ่อนช้า
  • แสงแดดมากเกินไป
  • น้ำเยอะเกินไป
  • ไม่ควรให้ปุ๋ยเคมี
  • ระวังเรื่องรากถูกกระทบและหักง่ายมาก

การขยายพันธุ์ (propagate species)

เนื่องจากผักหวานป่านั้น ถ้าเราปลูกด้วยระบบรากแก้วหรือการเพาะเมล็ดนั้น อาจะใช้เวลาได้นานมากซึ่ง จริงๆแล้วเราแค่อยากจะนำยอดไปรับประทานเท่านั้น การปลูกด้วยเมล็ดหรือการปลูกด้วยการตอนไม่ส่งผลต่อรสชาดของยอดมากนัก แต่จะส่งผลต่ออายุการเก็บเกี่ยวมากกว่า ซึ่งการปลูกแบบเมล็ดอาจจะอยู่ได้นานมากกว่านั่นเอง

แต่สำหรับออนนิออร์แกนิคคงหวังที่จะต่อยอด คือการจำหน่ายด้วยกิ่งตอน เพื่อที่จะเป็นรายได้เสริมอีกทางเนื่องจากความต้องการยอดผักหวานยังมีอีกเยอะ สนใจกิ่งตอนสอบถามได้ที่ฟาร์มได้เลยนะครับ แต่หากใครได้มาเยือนเมืองกาญจนบุรี แล้วไม่ได้ลองชิมผักหวานป่า กาญจนบุรี ถือได้ว่ามาถึงแล้ว

ออนนิออร์แกนิคฟาร์ม กาญจนบุรี