สวนอินทผาลัม พลังงานโซล่าเซลล์ กาญจนบุรี
“สวนกลางอินทผาลัมบนกลางทุ่งนา”หนุ่มแบงค์ทำงานสบายๆ ในห้องแอร์แต่ต้องมาทำงานเกษตรแบบไม่เคยทำมาก่อน เงินทุนหลักแสน ไปกับการเตรียมพื้นที่ พันธุ์ แต่แรงงานที่ทำเป็นคนในครอบครัว พูดง่ายๆ แทบจะคนเดียวทำทั้งสวนเลยกันพื้นที่11 ไร่ หรือต้นอินทผาลัม 220 ต้น อินทผาลัมที่ปลูกโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลเป็นอย่างไร แต่เงินที่ลงทุนไปแล้วทำให้เราเหมือนรออะไรแบบมีความหวังทำได้จริงมั๊ย? การไม่เข้าใจระบบการทำงานในสวนหรือฟาร์ม ปัญหาของมือใหม่ เป็นการทำงานแบบที่เรียกว่า สวนเกษตรสาขาอินทผาลัม เป็นอย่างไร?

สำหรับบทสัมภาษณ์นี้ ออนิออร์แกนิคฟาร์ม กาญจนบุรี เรามานั่งคุยหนุ่มใหญ่ที่กำลังตัดหญ้าเสร็จ กับสวนที่เรียกได้ว่าเป็นพลังงานสะอาด 100% หรือที่เราคุ้นเคย คือ โซล่าเซลล์ มาใช้ในการจัดการฟาร์มนั่นเองเพราะว่าสวนอินทผาลัม ที่เรียกว่า “Kan garden” ซึ่งอายุ ณ วันที่ผมคุยประมาณ 3 ปีกว่าๆ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในทุ่งนาจริงๆ ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
เรามาพบกันกับเจ้าของสวนที่เรียกว่าเป็น หนุ่มใหญ่ ที่มีใจรักทางการเกษตร จากที่เคยทำงานสบายคือการเป็นพนักงานในธนาคาร ซึ่งก็เหมือนกับผมเหมือนกันแต่ใจรักทางการเกษตร ซึ่งทำให้เราต้องหาหรือค้นคว้าแหล่งเรียนรู้ที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ยั่งยืนหรือเราทำงานแล้วมีความสุข

จากอดีตคนที่ไม่เคยทำงานเกษตรมาก่อนว่าทีมาเป็นอย่างไร
พี่กฤษณ์ ที่เรียกกัน หรือนายคณศณัฏฐ์ ปณยนุชศิริกุล อายุ 57 ปี จบปริญญาตรี ทางด้านการจัดการทั่วไป จากที่เคยทำงานให้กับธนาคารของรัฐ ประมาณ 14 ปีและได้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวมา 10 ปี ด้วยความที่อยากทำอาชีพที่มีความยั่งยืนหรือที่แกบอกผมว่า “พืชที่คนเกษียนทำงานสบายๆ ไม่ต้องเหนื่อยมาก”
ทีนี้เมื่อเราได้รู้กันว่าพี่กฤษณ์ เริ่มหาพันธุ์อินทผาลัมที่จะมาปลูก ซึ่งเมื่อก่อนยังไม่เป็นที่นิยมมากจนแกได้ไปเจอพันธุ์ที่รับประทานผลสด คือ พันธุ์ “บาฮี” ปลูกเมื่อปี 2559
ผมก็สงสัยว่าแกเริ่มอย่างไร ได้พันธุ์ที่อยากจะปลูกมาแล้ว ?
พี่กฤษณ์บอกกับผมว่า เมื่อก่อนนี้พื้นที่แห่งนี้เป็นทุ่งนาทั้งหมดเป็นทุ่งนา (ซึ่งปัจจุบันที่ผมคุยกับแกก็ยังคงเป็นสภาพเดิม)ซึ่งเป็นที่ญาติพี่น้องของแก ทั้งหมด 11 ไร่ แกเริ่มจากปรับพื้นที่จากทุ่งนาจากไม่มีอะไรเลย

ปัญหาแรก ที่ต้องเดินต่อ..
เมื่อเริ่มพื้นที่ได้แล้วแกสั่งพันธุ์จากต่างประเทศ ซึ่งต้องเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ต้นตัวเมีย นั่นหมายความว่า พี่กฤษณ์ได้ลงทุนแบบลอยๆ ไปเรียบร้อยแล้วรอแต่ห้องแลปมาแจ้งว่าจะส่งพันธุ์มาให้ตอนไหน “อุปสรรคแรกที่ใหญ่คือการรอต้นอินทผาลัม 220 ต้น ที่จะมาปลูกนี้ล่ะผมว่านะ”
แต่ด้วยกำลังใจจากคนในครอบครัว ของพี่กฤษณ์ ทำให้เดินหน้าได้ ซึ่งถ้าเป็นการลงทุนในต่างจังหวัดที่จ่ายเงินไปแล้วนั้น ญาติหรือคนใกล้ชิดที่รอบข้างต่างไม่เห็นด้วยเป็นแน่ผมว่านะ ซึ่งกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้มันยากมาก
ปัญหาที่สอง ติดตามผล..
เนื่องจากอินทผาลัมนั้นที่สั่งมายังเป็นต้นเล็กมาก ซึ่งต้องดูแลเป็นอย่างดี นี่สิผมว่าแกผ่านมาได้แบบน่านับถือ เพราะว่า เวลาเป็นเครื่องพิสุจน์ผลงานจริงๆ เช่น
- ระบบน้ำหยดที่กว่าจะวางเรียบร้อยก็ 2-3 เดือน
- วัชพืชคลุมต้นอินทผาลัม
- โรค ด้วงพร้อมที่จะทำลายได้ตลอด
- น้ำท่วม เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมง่ายๆ
- ที่พักยังไม่มี ไม่รวมอื่นๆ

เทคนิคการดูแลต้นอินทผาลัมพี่กฤษณ์
- ระบบน้ำเป็นระบบน้ำหยดอย่างเป็นระบบ จากแทงค์น้ำที่สูง 7 เมตร
- การให้ปุ๋ยทางน้ำทุกๆสัปดาห์
- ฉีดฮอร์โมนเดือนล่ะ 2 ครั้ง
- โรคและแมลง เดือนล่ะ 2 ครั้ง เป็นสารกลุ่มชีวภาพ
เป็นสวนที่ทำให้ผลผลิตปลอดภัยและให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพมาก่อน เนื่องจากเป็นอินทผาลัมทานสดระยะเวลาได้ผ่านมา 3 ปี ณ ตอนนี้ผลผลิตยังไม่ 100% มากเพราะว่าแต่ก็ต้องดูแลซึ่งการวางแผนของพี่กฤษณ์ผ่าฟันอุปสรรคต่างๆ และยังคงพัฒนางานต่อไม่หยุด
การจัดการระบบฟาร์มเป็นฟาร์มที่ใช้พลังงานสะอาดจริงๆ คือการนำเอาเทคโนโลยีการใช้โซล่าเซลล์ มาใช้ในสวนของพี่กฤษณ์ ทำให้ปัจจุบันถือได้ว่าไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้า ที่สำคัญที่ผมยกให้เป็นสมาร์ทฟาร์มคือ การทำงานแค่แรงงานของคนในครอบครัวอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งใครอยากที่ได้ไอเดียการทำสวนคนเดียวเป็นอย่างไรสอบถามพี่กฤษณ์ ได้เลยครับ
สำหรับผมที่ได้พูดคุยกันกับพี่กฤษณ์ แล้วใครที่สนใจหรืออยากจะได้ต้นพันธุ์ไปทดลองปลูกหรือดูงานรวมทั้งสั่งผลอินทผาลัมไปทานสดมีทางออนไลน์ ก็สอบถามได้เลยได้ที่
โทร.0982351251(พี่กฤษณ์ หรือ Kan garden)